โดยปกติการทำธุรกรรม ซื้อ – ขาย อสังหาริมทรัพย์ จะต้องเสียค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในวันโอนกรรมสิทธิ์ โดยอ้างอิงจากราคาประเมินของกรมธนารักษ์ หรือราคาซื้อ – ขาย จริงอย่างใดอย่างหนึ่งที่มากกว่า
เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2562 ราชกิจจานุเบกษาได้ประกาศพระราชบัญญัติการประเมินราคาทรัพย์สินเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ พ.ศ.2562
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับ 15) พ.ศ.2562 มีการปรับปรุงแก้ไข คือ
“มาตรา 104 การขอจดทะเบียนสิทธิ และนิติกรรมในกรณีโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในที่ดิน หรืออสังหาริมทรัพย์ ให้ผู้ขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเสียค่าธรรมเนียม จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมโดยคำนวณตามราคาประเมินทุนทรัพย์ ตามบัญชีรา คาประเมินทรัพย์สิน ตามกฎหมายว่าด้วยการประเมินราคาทรัพย์สินเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ ซึ่งใช้อยู่ในวันที่จดทะเบียนสิทธิและนิติ กรรมนั้น การขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ในกรณีอื่น นอกจากที่กำหนดไว้ในวรรคหนึ่ง ให้ผู้ขอจดทะ เบียนสิทธิและนิติกรรมเสียค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมโดยคำนวณตามจำนวนทุนทรัพย์ที่ผู้ขอจดทะเบียนแสดงความเป็นจริง”
สรุปคือ นับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2562 เป็นต้นมาและเป็นต้นไปไม่ใช้ราคาประเมินราชการของกรมธนารักษ์ จะต้องใช้ราคา ตามราคาประเมินทุนทรัพย์ ตามบัญชีราคา ประเมินทรัพย์สิน ตามกฎหมายว่าด้วยการประเมินราคาทรัพย์สิน เพื่อประโยชน์แห่งรัฐ เท่านั้น เจ้าของทรัพย์ (ผู้ขาย) และผู้ซื้อ รวมทั้ง Agent. จะต้องทำความเข้าใจให้ตรงกันเกี่ยวกับราคาประเมินใหม่ ที่เรียกว่า “ราคาประเมินทรัพย์สินเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ” เป็นกฎเกณฑ์ใหม่ในการคิดคำนวณค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ดังนี้.
กรณีขาย
กรณีให้
ค่าอากรแสตมป์ / ภาษีธุรกิจเฉพาะ / ภาษีเงินได้ หัก ณ ที่จ่าย ใช้หลักเกณฑ์เดียวกันกับการขาย
กรณีมรดก
ค่าอากร / ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ /ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ไม่เสีย
สรุป จะต้องใช้ราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อประโยชน์แห่งรัฐเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่า จะทำให้มีภาระค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น กว่าเดิมอย่างแน่นอน
ธนภาคย์ (เนตร) ทองฐิติพันธ์
RE Agent Consultant
Estate Corner Co.,Ltd.