พฤติกรรมในการใช้ชีวิตและการเลือกที่อยู่อาศัยในปัจจุบัน โดยเฉพาะกลุ่ม New Normal ซึ่งมีความต้องการพื้นที่อยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น จากเทรนด์ Work From Home และการทำกิจกรรมในที่อยู่อาศัย เพื่อเว้นระยะห่างจากการสัมผัสกับคนในสังคมซึ่งลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้นับจากช่วงปลายปี 62 ที่ผ่านมา ดีมานด์คอนโดมิเนียมซึ่งชะลอตัวอยู่แล้วยิ่งชะลอตัวหนักขึ้นจากการโยกย้ายของกลุ่มดีมานด์คอนโดฯ เข้าสู่กลุ่มที่อยู่อาศัยแนวราบ
อัตราการขายคอนโดฯ ที่ช้าลง ผนวกกับซัปพลายคงค้างในตลาด รวมถึงผล9กระทบจากไวรัสโควิด-1 ทำให้ผู้ประกอบการคอนโดฯ ตัดสินใจเร่งระบายสต๊อกโดยการลดราคาขาย และจัดแคมเปญค่อนข้างรุนแรง เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อในตลาด และระบายสต๊อกออกให้เร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เริ่มเปลี่ยนจากกระแสและผลกระทบไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลให้ผู้บริโภคมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัย ประเภทแนวราบเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากสามารถรองรับความต้องการการใช้พื้นที่ในการทำงานอยู่ที่บ้าน รวมถึงการใช้พื้นที่ในการทำกิจกรรมส่วนตัว และกิจกรรมร่วมกับครอบครัว ขณะเดียวกัน การชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ที่ส่งผลกระทบต่อการชะลอตัวของตลาดอสังหาฯ ก็ส่งผลให้ผู้ประกอบการที่อยู่อาศัยทุกกลุ่มทำแคมเปญในการเร่งตัดสินใจซื้อของลูกค้า เพื่อสร้างยอดขายให้เป็นไปตามเป้าของแต่ละบริษัท
จากแนวโน้มดังกล่าว ทำให้กลุ่มผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่ม New Normal มองเห็นถึงโอกาสในการซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบได้มากกว่าในช่วงปกติ เนื่องจากเป็นช่วงที่ผู้ประกอบการมีการลดราคา พร้อมๆ ไปกับการจัดแคมเปญพิเศษต่างๆ ออกมาเพื่อกระตุ้นการขาย ส่งผลให้ดีมานด์จากกลุ่ม New Normal ซึ่งเดิมเป็นกลุ่มที่มองหาคอนโดฯ หันมาตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ปัจจัยดังกล่าวหนุนให้ อัตราการขายกลุ่มที่อยู่อาศัยแนวราบ ขยายตัวสูงตั้งแต่ในช่วงปลายปี 62 ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน และคาดว่าแนวโน้มดังกล่าวจะยังขยายตัวต่อเนื่องในอนาคต ซึ่งสอดคล้องต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ และวิถีการใช้ชีวิตของกลุ่ม New Normal
ขณะเดียวกัน ความเจริญในพื้นที่ชานเมืองในปัจจุบัน ทำให้เกิดสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับการใช้ชีวิตได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนเปิดตัวศูนย์สรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร โรงพยาบาล และสถานศึกษาในย่านชานเมือง เมื่อรวมกับระบบขนส่งรถไฟฟ้าที่มีความครอบคลุมพื้นที่ กทม. และชานเมือง ที่สามารถตอบโจทย์การเดินทางไปทำงานในย่านใจกลางเมืองได้รวดเร็ว กลายมาเป็นปัจจัยหนุนให้พฤตกรรมการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยผู้บริโภคหันมาเลือกซื้อบ้านแนวราบเพิ่มมากขึ้น
“ในช่วงที่ผ่านมาเด็กจบใหม่ หรือเริ่มทำงานจะมองหาห้องชุดพักอาศัยในย่านใกล้เมืองหรือกลางเมืองในการพักอาศัย เนื่องจากอยู่ใกล้ที่ทำงานและใจกลางเมืองสะดวกในการเดินทาง ขณะที่บ้านแนวราบที่อยู่ในย่านชานเมืองจะไม่ได้รับความสนใจเพราะมีปัญหาการเดินทางเข้าไปทำงาน แต่ภายหลังการเปิดใช้รถไฟฟ้าที่ครอบคลุมพื้นที่เพิ่มมากขึ้นก็ทำให้ปัญหาด้านการเดินทางหมดไป ขณะที่เทรนด์การทำงานจากที่บ้าน ยังส่งต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในการเลือกที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคให้หันมาเลือกซื้อบ้านแนวราบเพิ่มขึ้น ทำให้กลุ่มบ้านแนวราบได้อานิสงส์จากดีมานด์บ้านหลังที่ 2 จากกลุ่มผู้อยู่อาศัยคอนโดฯ และกลุ่มดีมานด์คอนโดใหม่ที่ไหลเข้าสู่ตลาดแนวราบ”